กิจกรรมเริ่มวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565
การเดินทางเพื่อตามหาและเพิ่มพูนประสบการณ์เพื่อนำมาเป็นความรู้และพลังเพื่อทำในสิ่งที่เรารัก
NaHaThai ผสานภูมิปัญญาจากชุมชน พัฒนาต่อยอดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อใช้ในการพัฒนาธุรกิจที่เป็นทั้งสินค้า และบริการ ในรูปแบบที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม
ด้วยรัก และหวังว่า ธุรกิจจะเติบโตได้ พร้อมๆกับการดูแลสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพ ชีวิตที่ดีของทั้งตัวเราเอง ผู้บริโภค สังคมและชุมชน ออกเดินทางไปกับเรานะคะ
ขอบคุณ Toki Coffee Estate ขอบคุณขุนเขาพ่อปู่แห่งดอยโป่งกาที่ส่งเสียงเรียกผ่านสายลมให้ตามตามขึ้นไป ของคุณบทเพลงอันไพเราะจากเครื่องดนตรี เตหน่า ของพี่Klee ที่โอบกอดเราอย่างอ่อนโยน ขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้เราได้เจอกัน ขอบคุณ คุณปิติชนน์ รุ่งอินทร์ ที่สนับสนุนทุกการเดินทาง
-ดาวใจ ศรลัมพ์-
834 KM. จากกรุงเทพ ไปยัง อ.กัลยานิวัฒนา จ.เชียงใหม่ เราใช้การเดินทางด้วยเครื่องบิน 1 ชม. นั่งรถอีก 3 ชม.และเดินทางต่ออีก 27 KM จากอ.กัลยานิวัฒนา ไปยังแหม่โลคี ใช้เวลา 1ชั่วโมง30นาที รวมระยะทางทั้งหมด 861 KM ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง 30นาที บนเส้นทางสูงชัน เลี้ยวซ้ายและขวา ต้องพึ่งพาทั้งยาหอม ยาดม และยาแก้เมารถ และเราก็มาถึง ดินแดนของป่าต้นน้ำ มาตามหากาแฟที่เมื่อได้ชิมแล้วเหมือนเราถูกเรียกให้ต้องมา
YEEDORA ในภาษา ปะกากญอหมายความถึงสถานที่ที่ไกล มากๆ
จากจิบแรกของ Toki Coffee Estate ก็ได้พาเรามาถึงไร่กาแฟของเขา
ทันที่เท้าสัมผัสดิน ได้เกิดความผูกพันขึ้นในใจ
ขุนเขาต้อนรับเราด้วยฝนโปรยปราย และสายรุ้ง
ที่นี่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขา บนความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีลมพัดผ่านตลอดเวลา อากาศหนาวเย็น อากาศประมาณ 9-12องศาเซลเซียส
ณ บ้านขุนแม่รวม ต.แจ่มหลวง อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่
ให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อมๆกับคุณภาพชีวิตของผู้คน
ให้กาแฟบอกเล่าเรื่องราวของระบบนิเวศน์ของป่าใหญ่
ส่งต่อประเพณีและวัฒนธรรมที่งดงามผ่านกลิ่นกาแฟที่หอมกรุ่น
และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไขความลับให้ความงามตามธรรมชาติ
เราจะขับเคลื่อนธุรกิจของเราด้วยความรัก
เราจะจับมือกันเพื่ออนุรักษ์ผืนป่าต้นน้ำ
ด้วยกาแฟที่เป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่น
ขอบคุณ NaHaThai ที่พาจิตวิญญาณของเราขึ้นมาถึงที่นี่ เพื่อพิสูจนน์ว่า Yeedora ไม่ได้ไกลเหมือนความหมายในภาษา และกาแฟมีความหมาย ผูกพัน เกื้อกูลต่อป่าจนอยากพาทุกคนมาเห็น
พี่โอถามโทกิว่า แล้วโทกิเอาอะไรมาแน่ใจว่าทำกาแฟแล้วจะเวิร์ก ณ ตอนนั้น ย้อนไปเมื่อ3ปีก่อน โทกิตอบกลับมา สั้นๆตามสไตล์คนพูดน้อยว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมก็แค่ทำ” คำตอบของโทกิ หนักแน่นมาก และทำให้เรานึกย้อนไปถึงตอนที่เริ่มทำ NaHaThai ว่าเราเดินหน้าลุย จนถึงจุดที่ต้องทุบหม้อข้าวตัวเองทำของเพื่อแจก เราก็ทำ ทุกอย่างถ้ามัวแต่คิดแล้วไม่ทำ ภาพฝันก็คงอยู่แค่แต่กับตัวเรา ดาวและพี่โอ เรามองเห็นภาพโทกิ ที่สะท้อนกลับมาที่เราว่า เรามีความเหมือนในความต่างของงานที่เราทำ
เรากล้าที่จะทำสิ่งที่เรารัก และเราศรัทธา
แล้วเราคือ Jigsaw ที่ตามหาของกันและกัน
ที่ผ่านมาผมทิ้งเปลือกกาแฟ เพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เอาไปทำปุ๋ยก็ไม่รู้ว่ามันจะดีหรือเปล่า แล้วมันก็เยอะ แต่พอทิ้งมันก็ส่งกลิ่นก็คิดๆว่าจะทำยังไงกับมันดี จนผมเจอคนที่เค้าขายกาแฟของผมให้พี่ดาว แล้วเค้าเล่าเรื่องพี่ให้ฟัง…ผมก็ตกใจว่าให้ราคาสูงมากเลย ตอนแรกผมตั้งใจจะให้พี่ไปลองทดสอบก่อนเลย ผมไม่รู้ว่าจะใช้ได้รึเปล่า พอได้คุยกันพี่แนะนำวิธีทำ บอกผมว่าอาจจะยากหน่อย ผมก็มาลองทำ ผมส่งผลเช็คความชื้นให้พี่ดาว พี่บอกผ่าน ผมคิดว่ามันทำง่ายมากเลย…เป็นสิ่งที่โทกิพูดให้ฟังในวันที่เรามาเจอกัน
ขุนเขาที่โอบล้อม บนความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล อุณหภูมิที่หนาวเย็น และลมพัดผ่านตลอดทั้งปี เป็นพื้นที่ไม่มีทะเลหมอก ทุกอย่างลงเหมาะสม เหมือนถูกจัดวาง
สิ่งที่ตามหา ธรรมชาติได้จัดเรียงให้เราแล้วทุกอย่าง กาแฟออแกนิกส์จากป่าต้นน้ำ ได้ผ่านกระบวนการทุกขั้นตอนโดยไม่ใช้สารเคมี ผ่านขั้นตอนการสกัดอย่างพิถีพิถันที่สุดโดยใช้ Green Technology เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่บำรุงผิว แต่เรื่องราวการเดินทาง Touching ที่ใจ
NaHaThai
MARTA’S
Toki Coffee Estate